เชื่อว่าตอนนี้ แฟนบอลจำนวนไม่น้อยกำลังเฝ้ารอคอยสุดยอดอภิมหาบิ๊กแมทช์แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อย่างเกม “แดงเดือด” ระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ซึ่งเตรียมเปิดสนามแอนฟิลด์ รอบรับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม เวลา 23.30 น.
โดยเฉพาะสาวกเรดอาร์มี่ ที่อยากจะให้ถึงคืนวันอาทิตย์นี้ไวๆ เนื่องจาก แข้งผี อยู่ในช่วงฟอร์มกระฉูดสุดๆ และพวกเขาจะบุกไปเยือนแอนฟิลด์ในฐานะ “จ่าฝูง” อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครการันตีได้ว่า ผลนัดนี้จะออกมาอย่างไร และจะมีอะไรให้แฟนบอลต้องพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมืองหลังเกมหรือไม่ แต่ที่ผ่านมา เกมแดงเดือดหลายๆ แมทช์นั้นมีโมเมนต์สำคัญให้แฟนบอลได้จดจำจนถึงปัจจุบัน ดังเช่น 5 แมทช์ต่อไปนี้
1.มหัศจรรย์คันโตน่า
แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล (11 พ.ค. 1996)
แดงเดือดเวอร์ชั่น ศึกเอฟเอคัพ 1996 นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ ทัพหงส์แดงมีแข้งชูโรงอย่างก๊วน “สไปซ์บอย” อาทิ เดวิด เจมส์, เจมี่ เรดแน็ปป์, เจสัน แม็คเคเทียร์, สตีฟ แม็คมานามาน, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ส่วนแก๊งเรดอาร์มี่นำมาโดย ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, เดวิด เบ็คแฮม ไรอัน กิ๊กส์, รอย คีน, แอนดี้ โคล และลูกพี่ เอริค คันโตน่า
เกมนี้ทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสูสี และทำท่าว่าจะจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 แต่ในช่วงก่อนหมดเวลาแค่ 5 นาที แมนฯ ยูไนเต็ดได้ลูกเตะมุม เบ็คแฮมบรรจงเปิดเข้ามากลางเขตโทษ เดวิด เจมส์ นายด่านหงส์แดงออกมาชกบอลไปเข้าทาง เอริค คันโตน่า กระโดดถอยหลังยิงวอลเลย์ด้วยขวาจากนอกเขตโทษ ส่งบอลพุ่งตุงตาข่ายอย่างสวยงามและเป็นประตูชัยให้แมนฯ ยูไนเต็ดคว้าชัย 1-0 ครองแชมป์เอฟเอคัพในปีนั้นต่อหน้าแฟนบอลกว่า 79,000 คน
ขณะเดียวกัน ประตูนี้ของ “ก็องโต้” ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในลูกยิงสุดคลาสสิคตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของศึกฟุตบอลเอฟเอคัพอีกด้วย
2.ฝันร้ายของวิดิช
แมนฯ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล (4 มี.ค. 2009)
แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทเกมได้อย่างสวยหรูดูดีมีอนาคต หลังจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สังหารจุดโทษให้ปีศาจแดง ขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 23 แต่ใครจะไปรู้ว่า หลังจากนั้น “หายนะ” กำลังจะมาเยือนพวกเขาโดยเฉพาะปราการหลังที่มีชื่อว่า เนมันยา วิดิช
เกมวันนั้น วิดิชโดน เฟร์นานโด ตอร์เรส เล่นงานจนเสียผู้เสียคน แถมยังเล่นผิดพลาดเองจนโดนใบแดงออกจากสนามในนาทีที่ 76 สุดท้ายเป็นลูกทีมของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่บุกมาขยี้ยับ 4-1 โดยทีมหงส์แดงรัวคืน 4 ลูกรวดจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฟาบิโอ ออเรลิโอ และอันเดรีย ดอสเซน่า
3.แฮตทริกเบอร์บาตอฟ
แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ลิเวอร์พูล (19 ต.ค. 2010
การทำแฮตทริกได้นับว่าสะใจแล้ว แต่ยิ่งสามารถซัลโว “แฮตทริก” ใส่ทีมคู่อริได้นั้นต้องเรียกว่าสะใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี
แมทช์นี้เหมือนเป็นเกมที่สร้างขึ้นมาเพื่อ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ อย่างแท้จริง เมื่อหัวหอกทีมชาติบัลแกเรียกดคนเดียว 3 เม็ดใส่ทีมหงส์แดง โดยเฉพาะประตูที่สอง ซึ่ง “เบิร์บ” โชว์ลีลาโอเวอร์เฮดคิกยิงเข้าไปแบบสวยสดหมดจดหยดย้อยคะแนนเต็ม 100 ก็ต้องให้ 1,000 กันไปเลย
4.เจอร์ราร์ด 38 วินาที
ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด (22 มี.ค. 2015)

ฆวน มาต้า ยิงให้ทีมปีศาจแดงบุกมาขึ้นนำก่อน 1-0 ในครึ่งแรก ทำให้กุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ อยู่เฉยไม่ได้ และจำเป็นต้องส่ง สตีเวน เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องคนสำคัญลงมาช่วยทีมตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง หวังนำทัพหงส์แดงพลิกสถานการณ์กลับมาให้ได้
แต่อนิจจา หลังจากผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน เป่านกหวีดเริ่มเกมครึ่งหลังไปได้เพียง 38 วินาที “กัปตันเจิด ณ แอนฟิลด์” ก็ต้องเดินคอตกออกจากสนาม หลังจากเจ้าตัวโดนใบแดงจากการไปย่ำใส่ อันเดร์ เอร์เรร่า
สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาคว้าชัย 2-1 และเป็นเกมแดงเดือดแมทช์สุดท้ายของเจอร์ราร์ดในยูนิฟอร์มของลิเวอร์พูลอย่างชอกช้ำ ก่อนที่เจ้าตัวจะอำลาถิ่นแอนฟิลด์หลังจบซีซั่นดังกล่าว
5.ช่องว่าง 30 แต้ม
ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (19 มกราคม 2020)

นี่คือแดงเดือดนัดล่าสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นซีซั่นมหากาพย์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่สวมวิญญาณ “ฆาตกรต่อเนื่อง” ไล่ขยี้ทุกทีมที่ขวางหน้า รวมถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตกเป็นเหยื่อของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง ได้ประตูขึ้นนำก่อนจากลูกโขกของ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ ในนาทีที่ 14 ก่อนที่จะมาได้ประตูตอกฝาโลงในช่วงทดเจ็บจากฝีท้าของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ช่วยให้ทีมหงส์แดงคว้าชัย 2-0 พร้อมกับเสียงเฮของเดอะค็อปที่เฮสนั่นจนแอนฟิลด์แทบแตก
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ครองจ่าฝูงโดยมีแต้มทิ้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่รัั้งอันดับ 5 ห่างไกลถึง 30 คะแนน และในที่สุดทีมหงส์แดงก็ได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกในบั้นปลาย ยุติการรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดที่เฝ้ารอมานานถึง 30 ปีได้สำเร็จ! 🔴 ดูบอลสด