สกอตแลนด์ บุกไปเอาชนะโปแลนด์ 2-1 ได้ประตูชัยจากแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ในช่วงทดเจ็บ แต่ไม่เพียงพอ เพราะผลอีกคู่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ทำประตูช่วยให้โครเอเชีย ตามตีเสมอโปรตุเกส 1-1 ส่วน เดนมาร์ก ทำได้ตามเป้าบุกไปเสมอกับเซอร์เบีย 0-0
โดยในกลุ่ม 1 โครเอเชีย ต้องการแค่ผลเสมอก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทันที ส่วน โปแลนด์ ที่พบกับ สกอตแลนด์ ผลเสมอจะทำให้ทั้งสองทีมกอดคอกันตกรอบทั้งคู่ ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ และไปลุ้นให้โครเอเชียแพ้โปรตุเกส
ปรากฏว่า สกอตแลนด์ เป็นฝ่ายบุกไปขึ้นนำก่อนจาก จอห์น แม็คกินน์ ในนาทีที่ 3 ก่อนที่โปแลนด์จะมาได้ประตูตามตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลังจาก คามิล เพียตคอฟสกี้ นาทีที่ 59 เกมทำท่าว่าจะจบด้วยผลเสมอ แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+3 ทีมเยือนมาได้ประตูชัยจาก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทำให้จบเกม สกอตแลนด์ บุกไปเอาชนะโปแลนด์ 2-1
อย่างไรก็ตามชัยชนะในเกมนี้ไม่เพียงพอทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบต่อไป เนื่องจากอีกคู่ โครเอเชีย เปิดบ้านยันเสมอกับโปรตุเกส 1-1 ทีมเยือนที่โรเตชั่นทีมหลายตำแหน่งบุกไปนำก่อนจาก ชูเอา เฟลิกซ์ นาทีที่ 33 ครึ่งหลังเจ้าบ้านได้ประตูตีเสมอจาก ยอสโก้ กวาร์ดิโอล นาทีที่ 66
ทำให้ โครเอเชีย มี 8 คะแนน จบอันดับ 2 ของกลุ่ม ผ่านเข้ารอบตามโปรตุเกสคว้าแชมป์กลุ่มด้วยการมี 14 คะแนน จากการชนะ 4 เสมอ 2 ส่วน สกอตแลนด์ จบอันดับ 3 ต้องไปเล่นเพลย์ออฟในการเลื่อนชั้น-ตกชั้นกับอันดับ 2 จากลีก บี
ส่วนลีก เอ กลุ่ม 4 “โคนม” เดนมาร์ก บุกไปยันเสมอ เซอร์เบีย 0-0 ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จด้วยการมี 8 คะแนน ส่วนอีกคู่ “กระทิงดุ” สเปน ส่งท้ายด้วยการเฉือน สวิตเซอร์แลนด์ 3-2 คว้าแชมป์กลุ่มจากการชนะ 5 เสมอ 1 มี 16 คะแนน เซอร์เบีย จบอันดับ 3 มี 6 คะแนนต้องไปเล่นเพลย์ออฟ
สรุปทีมรอบน็อคเอาท์เนชั่นส์ ลีก 2024-25
ลีก เอ กลุ่ม 1: โปรตุเกส (แชมป์กลุ่ม), โครเอเชีย
ลีก เอ กลุ่ม 2: ฝรั่งเศส (แชมป์กลุ่ม), อิตาลี
ลีก เอ กลุ่ม 3: เยอรมัน (แชมป์กลุ่ม), เนเธอร์แลนด์
ลีก เอ กลุ่ม 4: สเปน (แชมป์กลุ่ม), เดนมาร์ก
**จับสลากประกบคู่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2024 แชมป์จากแต่ละกลุ่มอยู่โถ 1 ไม่เจอกันในรอบนี้ ส่วนการแข่งขันเล่นแบบเหย้า-เยือน เลกแรก 20 มีนาคม เลกสอง 23 มีนาคม 2025