ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บอร์นมัธ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ณ สนามเหย้าของบอร์นมัธ ได้มีการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง บอร์นมัธ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยผลปรากฏว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถพลิกกลับมาเอาชนะ บอร์นมัธ ไปด้วยสกอร์ 2-1 และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
บอร์นมัธ วางแผนที่จะใช้เกมรุกที่นำโดย จัสติน ไคล์เวิร์ต และ เอวานิลซอน เป็นตัวทีเด็ด ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จัดทัพผู้เล่นชุดใหญ่ นำโดย เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาโด้ ซิลวา, ฟิล โฟเด้น และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
ในช่วงต้นเกม นาทีที่ 14 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดโอกาสในการขึ้นนำ เมื่อได้ลูกจุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลของ ไทเลอร์ อดัมส์ แต่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงไปติดเซฟของ เกป้า ผู้รักษาประตูของบอร์นมัธ
ในนาทีที่ 21 บอร์นมัธ สร้างเซอร์ไพรส์ ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ จัสติน ไคล์เวิร์ต เปิดบอลจากทางกราบขวามาที่เสาสอง ก่อนที่ เอวานิลซอน จะสอดเข้ามายิงประตูเข้าไปอย่างสวยงาม จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ บอร์นมัธ นำ 1-0
ครึ่งหลังเริ่มมาได้ไม่นาน ในนาทีที่ 49 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ โอเรลลี่ หลุดไปทางกราบซ้าย ก่อนเปิดบอลย้อนกลับมาที่เสาสอง และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ วิ่งเข้ามาชาร์จทำประตู
เกมพลิกผันในนาทีที่ 63 เมื่อนักเตะบอร์นมัธสกัดบอลพลาดหน้าปากประตูตัวเอง บอลมาเข้าทาง โอเรลลี่ และจ่ายต่อให้ โอมาร์ มาร์มูซ ยิงสวนตัวผู้รักษาประตูเข้าไป ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 2-1
ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ บอร์นมัธ 2-1 ได้สำเร็จ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ไปพบกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ส่วนอีกคู่ในรอบรองชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่าง คริสตัล พาเลซ และ แอสตัน วิลล่า
